ผู้ตรวจฯ แฉราชการ 5% ไม่ร่วมมือ ชง กม.ลูกเพิ่มอำนาจสั่งคุ้มครอง บังคับให้ปฏิบัติ

 
โดย MGR Online   
 
30 ธันวาคม 2559 15:27 น. (แก้ไขล่าสุด 30 ธันวาคม 2559 16:35 น.)
ผู้ตรวจฯ แฉราชการ 5% ไม่ร่วมมือ ชง กม.ลูกเพิ่มอำนาจสั่งคุ้มครอง บังคับให้ปฏิบัติ
        ผู้ตรวจการแผ่นดิน พอใจงานในรอบปี รับเรื่องร้องเรียน 7 พัน แก้ได้หลายปม เตรียมปรับองค์กรรองรับภารกิจตามรัฐธรรมนูญใหม่ แฉมีหน่วยราชการ 5% ดื้อไม่ร่วมมือ ชี้ถ้าไม่แก้ไขจะนำสู่จุดเสื่อม เผยชงมาตรการบังคับให้ทำแล้วในกฏหมายลูก พร้อมเพิ่มอำนาจสั่งคุ้มครองชั่วคราว บอกถึงแม้ไม่มีอำนาจรับเรื่องจริยธรรมก็ไม่ทำให้งานลด แย้มสร้างความสมดุล จ่องัดอาญาจัดการ
       
       วันนี้่ (30 ธ.ค.) พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวพอใจถึงการทำงานของผู้ตรวจการแผ่นดิน ในรอบปีที่ผ่านมา โดยตั้งแต่ 1 ต.ค. 2558 ถึงต้นเดือน ต.ค. 2559 มีเรื่องร้องเรียน 7 พันเรื่อง โดย 4 พันเรื่องเป็นการรับคำร้องใหม่ และ 2,000-3,000 เรื่อง เป็นเรื่องที่ค้างการพิจารณาจากปีก่อน ซึ่งการทำงานของผู้ตรวจการฯ หลายเรื่องที่ผ่านมาสามารถแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้พอสมควร เช่น กรณีพิพาทเรื่องกรมธนารักษ์ประกาศเวนคืนที่ดินรอบคูเมืองเชียงใหม่ ซึ่งกระทบสิทธิของประชาชน กรณีการเวนคืนที่ดินก่อสร้างทางพิเศษบางปะอิน-นครราชสีมา และการแก้ไขปัญหาจำหน่ายสินค้า และอาหารที่มีราคาแพงในสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ กรณีดังกล่าวคาดว่าจะได้ข้อยุติ และจะมีการลงพื้นที่อีกครั้งในเดือนมกราคม 2560
       
       นอกจากนี้ ผู้ตรวจการฯ ยังได้เตรียมเรื่องการปรับองค์เพื่อรองรับกับภารกิจตามรัฐธรรมนูญใหม่ ที่กำหนดให้ผู้ตรวจการฯ มีภารกิจใน 3 ด้าน คือ 1. ตรวจสอบว่าหน่วยงานรัฐใดปฎิบัติตนไม่เหมาะสมกับประชาชน ไม่ก่อให้เกิดภาระกับประชาชน 2. มีหน้าที่แสวงหาข้อเท็จจริงกรณีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากหน่วยงานรัฐ ที่ไม่ปฎิบัติตามกฎหมาย หรือปฎิบัติเกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนด และ 3. ให้จัดทำข้อเสนอต่อ ครม. หากหน่วยงานรัฐยังปฎิบัติหน้าที่ไม่ครบถ้วนตามหมวด 5 ว่าด้วยหน้าที่ของรัฐ ที่มีทั้งหมด 13 เรื่อง เช่น การศึกษา สิ่งแวดล้อม การรักษาพยาบาล การป้องกันและปราบปรามการทุจริต การมีกองกำลังทหารเพื่อรักษาอธิปไตย การสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งทางผู้ตรวจการฯ ได้มีการยกร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าผู้ด้วยผู้ตรวจการแผ่นดินเสร็จสิ้นแล้ว
       
 

       “ที่ผ่านมาการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนของผู้ตรวจการแผ่นดินกว่าร้อยละ 95 ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานราชการในการแก้ไขบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน มีเพียงร้อยละ 5 ที่หน่วยงานราชการดื้อดึงขัดขืน หลีกเลี่ยง จุดนี้ก็เห็นว่าถ้าไม่แก้ไขจะนำมาสู่จุดเสื่อม ลดทอนความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระ ดังนั้น ข้อเสนอของผู้ตรวจการฯ มีไปยังหน่วยงานรัฐเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนควรจะมีมาตรการบังคับเพื่อให้หน่วยงานนั้นปฏิบัติตาม จึงได้มีการเสนอไว้ในร่างกฎหมายลูก ว่าถ้าเรามีเรื่องเสนอไปให้หน่วยงานรัฐแล้ว หากไม่ปฏิบัติตามก็สามารถเสนอต่อ ครม. ซึ่งจะต่างจากของเดิมที่ส่งรายงานต่อสภาฯ เท่านั้น หรือหากส่งไปแล้วหน่วยงานมีความเห็นต่างจากผู้ตรวจการฯ ก็สามารถให้มีการตั้งคณะกรรมสองฝ่ายเพื่อหาข้อยุติร่วมกันก่อน หรือถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่เราเสนอไปยัง ครม.แล้ว ครม.ดองเรื่องก็อาจจะถือได้ว่า ครม.กระทำการที่ขัดมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ผู้ตรวจการฯ ก็จะสามารถส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช.เพื่อไปสู่ขั้นตอนการถอดถอนได้ ถ้า กรธ.เห็นด้วยความข้อเสนอดังกล่าวก็จะทำให้ข้อครหาที่ว่าผู้ตรวจการแผ่นดินคือเสือกระดาษหมดไป ที่เราเสนออย่างนี้เพราะอยากให้ประชาชนมั่นใจ ว่ามีหลักประกันว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไข” พล.อ.วิทวัสกล่าว
       
       พล.อ.วิทวัสกล่าวว่า ยังได้เสนอให้ผู้ตรวจการฯ มีอำนาจสั่งคุ้มครองชั่วคราว เช่น หากมีผู้มาร้องและผู้ตรวจการฯลงพื้นที่แล้วไม่ระงับยับยั้ง แล้วจะเกิดความเสียหายก็สามารถให้ระงับโครงการไว้ก่อนได้เป็นเวลา 30 วัน แต่ทั้งนี้อำนาจดังกล่าวจะไม่ใช้ในทุกกรณี จะใช้เมื่อจำเป็น และมีความเสียหายเกิดขึ้น นอกจากนั้นยังเชื่อว่า หากรัฐธรรมนูญใหม่มีผลบังคับใช้แม้ ผู้ตรวจการฯ จะไม่มีอำนาจตรวจสอบเรื่องจริยธรรม คำร้องเรื่องร้องเรียนจะไม่ลดน้อยลง เพราะเมื่อรัฐมีโครงการที่จะช่วยประชาชนมากขึ้น เช่น โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ ที่รัฐบาลต้องการความมั่นคงด้านพลังงาน แต่คนในจังหวัดกระบี่อยู่ได้ด้วยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ก็ไม่ต้องการเรื่องมลพิษ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องสร้างความสมดุล ดังนั้นจึงคิดว่ากลไกลของผู้ตรวจการฯ ต้องเข้าไปสร้างสมดุลเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากระทบต่อสิทธิของประชาชน
       
       “การทำงานในอนาคตของผู้ตรวจการฯ การมีข้อเสนอแนะต่อหน่วยงาน และ ครม. จะไม่ใช่ข้อเสนอในเชิงวิชาการ แต่ต้องเป็นข้อเสนอที่ทำให้หน่วยงานของรัฐไม่สร้างปัญหาให้กับประชาชน ที่ผ่านมาในกฎหมายเดิมผู้ตรวจไม่เคยใช้อำนาจทางอาญากับหน่วยของรัฐ แต่ต่อไปคิดว่าอาจมีความจำเป็น จริงอยู่ที่โทษอาญาเป็นโทษเพียงเล็กน้อย แต่คิดว่าถ้าหากองค์กรไหนถูกลงโทษจะกระทบต่อเกียรติภูมิ ซึ่งการเป็นหน่วยงานราชการ การกระทบต่อเกียรติภูมิเป็นเรื่องที่น่าละอายขององค์กร” พล.อ.วิทวัสกล่าว 

 
ผู้ตรวจฯ แฉราชการ 5% ไม่ร่วมมือ ชง กม.ลูกเพิ่มอำนาจสั่งคุ้มครอง บังคับให้ปฏิบัติ
       

 
arrow
arrow
    全站熱搜
    創作者介紹
    創作者 湛藍水瓶 的頭像
    湛藍水瓶

    2023 熱門新聞 熱搜 陳盈潔將入獄 李智秀離世 AI概念股 郭台銘 交友網站 北科大資財營 青年購屋 威士忌推薦 阿里山住宿 分科測驗 登革熱

    湛藍水瓶 發表在 痞客邦 留言(0) 人氣()